กระจกบานใหญ่ มีกี่ประเภท? เลือกใช้อย่างไรให้ลงตัว

กระจกบานใหญ่ ปัจจุบันการตกแต่งบ้านด้วยหน้าต่างกระจกบานใหญ่เป็นแฟชั่น

กระจกบานใหญ่ หรือ กระจกเต็มตัว มีกี่ประเภท? เลือกใช้อย่างไรให้ลงตัว

กระจกบานใหญ่ ที่รู้และคุ้นเคยก็คือเป็นแก้วที่มีความทนทานสูง และสามารถต้านแรงลมได้เป็นอย่างดีเหมาะสำหรับใช้งานนอกอาคารหรือที่เราเรียกกันว่า กระจกบานใหญ่ อบ เป็นกระจกธรรมดาที่ผ่านกระบวนการอบด้วยอุณหภูมิสูงประมาณ 650 – 700 องศาเซลเซียส และทำให้เย็นทันทีด้วยการเป่าลมแรงดันสูง เพิ่มประสิทธิภาพความแข็งแรง สามารถทนแรงกระแทก แรงกด และแรงอัดได้สูงขึ้น 4-5 เท่า ทนความร้อนได้สูงถึง 290 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงฉับพลันได้สูงถึง 150 องศาเซลเซียส

1. กระจกนิรภัยเทมเปอร์ (Tempered Glass)

แก้วที่ผ่านการทำให้อ่อนตัวด้วยกระบวนการที่อุณหภูมิสูง เมื่อกระจกบานใหญ่ แตก มันจะแตกตัวเป็นอนุภาคคล้ายเมล็ดข้าวโพดทั่วกระดาษ จะไม่แตกใส่ปากฉลามเหมือนแก้วทั่วไป ดังนั้น จึงปลอดภัยต่อผู้ใช้

2. กระจกลามิเนต (Laminated Glass)

จากลักษณะข้างต้น นิรภัยสามารถใช้ได้ทั้งกลางแจ้ง และภายในอาคาร เช่น ใช้ทำ หน้าต่างบานกระทุ้ง , ใช้เป็นประตูบานเปลือย, ผนังม่านกระจกของอาคารขนาดใหญ่และอาคารสูง, ฉากกั้นอาบน้ำ, ผนังกั้นห้องภายในกระจกนิรภัยชนิดหนึ่งที่เกิดจากการประกบหรือติดกระจกเทมเปอร์ (Tempered Glass) หรือกระจกธรรมดา (Floated Glass) ตั้งแต่ 2 ชิ้นขึ้นไปเข้าด้วยกันทำให้ฟิล์มที่ประกบระหว่างกระจกยังคงติดกันโดยไม่หลุด

ดูเหมือนใยแมงมุม มีความปลอดภัยในการใช้งานมากกว่ากระจกประเภทอื่นๆ ช่วยลดอันตรายต่างๆ ได้มากขึ้น จึงเหมาะสำหรับผนังภายนอก ราวกันตก หลังคาสกายไลท์ของอาคารสูงกระจกลามิเนตช่วยป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอก เอฟเฟกต์ฉนวนกันเสียงดีกว่ากระจกบานใหญ่ ทั่วไปและยังช่วยป้องกันลมแดดได้ด้วยสามารถป้องกันรังสีอัลตราไวโอเลตได้มากกว่า 90% และทนต่อแรงกระแทก ป้องกันการโจรกรรม

3. กระจกฉนวนกันความร้อน (Insulated Glass)

หรือกระจกสองชั้น การใช้กระจกนี้เน้นไปที่การป้องกันความร้อน เน้นการประหยัดพลังงานโดยเชื่อม กระจกบานใหญ่ ตั้งแต่ 2 บานขึ้นไปเข้ากับกรอบอลูมิเนียมหรือซิลิกอนระหว่างบานที่มีสารดูดความชื้นและวัสดุฉนวน ช่วยรักษาอุณหภูมิภายนอกออกจากตัวอาคารได้ดี แต่เอากระจกมาประกบกัน กลายเป็นว่า ขนาดกระจกกว้างกว่ากระจกทั่วไป ต้องเว้นระยะการติดตั้งให้มากขึ้น

4. กระจกโฟลต (Float Glass)

พื้นผิวเรียบสนิทที่ช่วยให้แสงผ่านได้สูง ไม่ว่าจะเป็น กระจกนิรภัยลามิเนต กระจกเงา กระจกโค้ง กระจกพ่นทราย หากต้องการใช้ กระจกบานใหญ่ ประเภทนี้ต้องคำนึงถึงความปลอดภัย ห้ามใช้ในการติดตั้งที่เสี่ยงต่อการถูกกระทบกระแทก เนื่องจากหักง่าย แตกง่าย ลักษณะเหมือนปากฉลาม มีความคม และไม่ทนต่ออุณหภูมิสูง

5. กระจกสีตัดแสง (Heat Absorbing Glass)

เป็นกระจกชนิดเดียวกับกระจกโฟลตแต่มีส่วนผสมของออกไซด์ของโลหะที่เติมลงไปในเนื้อ กระจกหน้าต่าง สร้างเฉดสีที่ต้องการ แก้วนี้สามารถดูดซับพลังงานความร้อน แสงตกกระทบผิวกระจกประมาณ 40-50% กระจกยิ่งเข้ม ค่าการดูดกลืนความร้อนยิ่งสูง ลดความร้อนในบ้านได้ดีเยี่ยม นอกจากนี้ยังลดปริมาณแสงที่ส่องผ่าน ให้แสงที่นุ่มนวลขึ้น สบายตาขึ้น สีที่ใช้บ่อยที่สุดคือสีเขียว

6. กระจกโลว์อี (Low-E)

ออกแบบมาเพื่อสะท้อนพลังงานความร้อน แต่ยังให้แสงผ่านได้มาก มีหลายเกรดให้เลือก ได้แก่ เกรดทั่วไปคือ ฮาร์ดโค้ท โลว์-อี (Hard Coat Low-E) ค่าการแผ่รังสี 15-36% และกระจกบานใหญ่ แบบซอฟต์โค้ท โลว์-อี (Soft Coat Low-E ) ค่าการถ่ายเทความร้อนต่ำถึง 2-10% และเป็นกระจกที่ทนความร้อนได้สูงมาก ถือเป็นกระจกประหยัดพลังงานที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในปัจจุบัน


sunji

9 Blog posts

Comments